California – รวมที่เที่ยวห้ามพลาดใน San Francisco และ Los Angeles

Summer ปีที่แล้วเรามาwork and travelที่อเมริกา เรามาทำงานที่เมืองชื่อ Wildwoodในรัฐ New Jersey

(อ่านได้ที่ link นี้ https://www.facebook.com/264636317530128/posts/363212434339182?s=100001800804806&sfns=xmo) หลังจากที่ทำงานเก็บเงินมานานถึง2เดือนครึ่ง ช่วงเวลาแห่งการWorkก็จบลง ต่อไปจะเป็นเวลาแห่งการTravelที่รอคอย เราจะใช้เวลา2อาทิตย์เต็มในการเที่ยวอเมริกา แล้วบินไปเที่ยวต่อที่ญี่ปุ่นอีก3วัน แล้วค่อยกลับกรุงเทพฯ เป็นทริปที่ยาวนานมาก เราไปเที่ยวที่ต่างๆตามนี้ Wildwood🎡 —> New York🏙 —> Las Vegas♠️ —> Grand canyon⛰ —> Yosemite🌲 —> San Francisco🌉 —> Los Angeles🎬 —> Tokyo🍣 —> Bangkok
California เป็นรัฐที่อยู่ฝั่ง west coas tของอเมริกา ติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศ มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจอเมริกาเป็นอย่างมาก เป็นผู้นำของโลกในหลายอุตสาหกรรมเช่น เทคโนโลยี บันเทิง การเงิน มีสถานที่สำคัญเช่น Hollywood และ Silicon Valley อีกทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย จึงเป็นหนึ่งในรัฐที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้มากที่สุดในอเมริกาด้วย โพสต์นี้จะมารีวิวเที่ยว 2 เมืองหลักใน California ได้แก่ “San Francisco” กับ “Los Angeles” รวมถึงroad tripระหว่าง 2 เมืองด้วยถนนเลียบชายฝั่งแปซิฟิก ที่เรียกว่า “Big Sur”

San Francisco-Los Angeles (16/08/2018-20/08/2018)

หลังจากที่เราออกจากYosemite national park ก็ขับรถมุ่งหน้ามาSan Francisco เมืองสำคัญทางเหนือของCalifornia

San Francisco เมืองชื่อดังที่มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญมากมาย ที่ดังที่สุดน่าจะเป็นสะพานGolden gate เมืองนี้มีอากาศเย็นสบายจนถึงหนาว มีลัษณะภูมิประเทศเป็นเขา เป็นเมืองที่แทบจะไม่มีพื้นราบ เมืองนี้มีรถรางหรือTram carให้บริการด้วย เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของSan Francisco

เมื่อมาถึงซานฟราน เราก็ไปกินข้าวกลางวันกัน โดยจอดรถไว้ริมถนนใกล้ๆกับร้าน พอกินข้าวกันเสร็จ พวกเรากลับมาที่รถและพบว่า รถโดนทุบกระจกและกระเป๋าเป้ในรถหายไป2ใบ…

ของที่โดนขโมยไปมีMacbook2เครื่อง กล้อง1ตัวฯลฯ มูลค่าความเสียหายเกือบสองแสน…

Warning‼️

ซานฟรานเป็นเมืองที่มีการโจรกรรมทรัพย์สินโดยเฉพาะการทุบกระจกรถขโมยของเยอะมากๆ ขนาดเราจอดรถไว้ริมถนนที่มีคนพลุกพล่านตอนกลางวันแสกๆ ยังโดนขโมยได้ ถ้าต้องจอดรถควรหาที่จอดในอาคาร หรือที่ที่มีกล้องวงจรปิด ยอมเสียค่าที่จอดรถหน่อยจะดีกว่า และอย่าเก็บของมีค่าไว้ในรถ

หลังจากที่คุยกับตำรวจให้ช่วยจัดการ และเปลี่ยนรถใหม่ที่บริษัทรถเช่ากันเรียบร้อย เพื่อนๆก็พยายามทำใจกับของที่หายไป และตัดสินใจว่าจะเที่ยวกันต่อ แต่Feelingทุกคนก็downกันไปเรียบร้อย

Golden gate bridge : พวกเรามาที่นี่กันตอนsunset วิวอ่าวซานฟรานกับสะพานมันสวยมาก แต่บรรยากาศมันเศร้าหมองไปหมด เรากลับที่พักที่จองไว้กับAirbnb ซึ่งhostดูแลดีมากๆ(ส่วนหนึ่งน่าจะเพราะสงสารพวกเรา) เป็นการพัก Airbnb ที่ประทับใจสุดแล้ว อย่างน้อยก็ยังมีเรื่องดีๆ ให้เจอบ้าง เช้าวันต่อมา สภาพจิตใจเริ่มจะดีขึ้น ทำใจกันได้ส่วนหนึ่งแล้ว ของที่หายไปไม่น่าจะตามเจอได้ ทำอะไรไม่ได้ นอกจากไปเที่ยวต่อให้สุด (และเลือกที่จอดรถดีๆ)
First Swensen’s : ซานฟรานเป็นบ้านเกิดของแบรนด์ไอศกรีมชื่อดังSwensen’s เราเลยมากินกันที่Swensen’s สาขาแรกของโลก ร้านนี้ยังคงรูปลักษณ์เอาไว้ตั้งแต่ตอนเปิดร้าน ทั้งภายนอกและภายใน เหมือนเป็นร้านไอศกรีมเก่าๆ แห่งหนึ่งที่ไม่ได้มีความโดดเด่นอะไร ส่วนรสชาติก็เหมือนSwensen’sที่คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว
Lombard street : เดินมาไม่ไกลจาก Swensen’s ก็จะเจอถนนที่มีลักษณะแปลกๆนี้ Lombard street เป็นถนนคดเคี้ยวไปมาบนเนินเขาชันๆ เป็น Landmark อย่างหนึ่งของซานฟราน มีคนมาถ่ายรูปตรงจุดนี้กันเยอะมาก

Pier39 : ที่เที่ยวชื่อดังอีกแห่งหนึ่งในซานฟราน มีลักษณะเหมือนท่าเรือ อยู่ติดทะเล บริเวณนี้มีร้านค้าร้านอาหารเยอะโดยเฉพาะseafood เป็นย่านที่คึกคักมาก คนเดินกันพลุกพล่าน และที่พลาดไม่ได้คือการมาดูสิงโตทะเล ที่มานอนอาบแดดกันเป็นร้อยตัวบริเวณนี้

เราเดินเล่นกันแถวนี้และกินseafoodสุดอร่อย เป็นอันจบการเที่ยวซานฟราน วันต่อไปเราจะขับรถลงใต้ด้วยถนนเลียบมหาสมุทรแปซิฟิก เพื่อไปLA

Big Sur : เป็นถนนที่คดเคี้ยวไปตามหน้าผาเลียบ Pacific coast สวยงามติดอันดับ 1 ใน 10 ถนนที่สวยที่สุดในโลก เหมาะกับการมา road trip เราขับรถกันไปเรื่อยๆ เจอจุดสวยๆก็จอดถ่ายรูป เสียดายที่วันนี้ไม่มีแดดและหมอกลงจัด เลยเห็นวิวน้อยกว่าทีควร
ชมวิวหน้าผากับทะเลไปตลอดการเดินทาง น่าจะสวยมากถ้ามีแดด
เวลาผ่านไปเกือบ 12 ชั่วโมง พวกเราก็มาถึง Los Angeles ซึ่งจะเป็นเมืองสุดท้ายของทริปอเมริกานี้ เหลือเวลาเที่ยว LA อีก 1 วันเต็มเท่านั้น
LA outlet : เริ่มตอนเช้าด้วยการมา shopping ที่ outlet ที่นี่มีร้านเสื้อผ้าแบรนด์ต่างๆ เยอะมาก อาคารตกแต่งคุมโทนส้มๆ ครีมๆ และมีต้นปาล์มซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ LA มาตกแต่ง เป็น outlet ที่ไม่ได้มีแค่ shopping แต่มีมุมถ่ายรูปเยอะด้วย
Hollywood sign : และที่พลาดไม่ได้ในการมาเที่ยว LAคือ ป้าย Hollywood LA เป็นสถานที่กำเนิดค่ายหนัง Hollywood ผลิตหนังคุณภาพส่งออกทั่วโลก เป็นผู้นำของวงการบันเทิงโลก ที่นี่จึงเป็น landmark ที่น่าจะดังสุดใน LA ที่คนทั้งโลกน่าจะรู้จัก จุดนี้เราขับรถขึ้นมาถ่ายกันบนเนินเขาใกล้ๆ เป็นจุดชม Hollywood sign ที่ชัดดี
จบไปกับ one day in LA ที่ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวไหนเท่าไร
ส่วนตัวแล้วรู้สึกชอบ San Franciscoมาก เพราะมีที่เที่ยวเยอะ บ้านเมืองสวย อากาศเย็นสบาย ถ้าไม่นับที่โดนทุบรถจะเป็นเมืองที่ perfect มากกก ส่วน Los angeles อากาศร้อนกว่า และรู้สึกว่าน่าเที่ยวน้อยกว่าซานฟราน
20 Aug 2018 วันสุดท้ายในอเมริกา วันนี้เราจะไปขึ้นเครื่องแต่เช้าไปโตเกียว เรานอนโตเกียวอีก 2 คืน ก่อนกลับไทย เป็นอันจบการมา work and travel ทั้งหมด 3 เดือนแบบเต็มอิ่ม เป็น 3 เดือนที่ได้ทั้งทำงาน ได้เที่ยว ได้เพื่อน ได้ประสบการณ์ ได้ความทรงจำกลับไปมากมาย เป็นอีก chapter หนึ่งที่น่าจดจำของชีวิต
Goodbye USA